เชียงใหม่ เดินหน้ายกระดับมาตรการฉุกเฉินสู่ระดับ 2 รับมือวิกฤตฝุ่น PM2.5 ในพื้นที่

จังหวัดเชียงใหม่ เดินหน้ายกระดับมาตรการฉุกเฉินในการแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ในช่วงภาวะวิกฤต สู่ระดับ 2 ตามแนวทางของคณะกรรมการจัดการปัญหามลพิษทางอากาศเพื่อความยั่งยืน เน้นการดูแลสุขภาพของประชาชนเป็นหลัก

วันนี้ (9 เม.ย. 67) ที่ ห้องประชุม 4 อาคารอำนวยการ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วย นายทศพล เผื่อนอุดม รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้ประชุมหารือร่วมกับคณะเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานในศูนย์ปฏิบัติการระดับจังหวัด เพื่อแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ หลังที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ภายใต้การนำของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในวันนี้ได้มีมติให้ยกระดับการปฏิบัติการแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ในช่วงสถานการณ์ภาวะวิกฤต โดยให้หน่วยงานต่างๆ บูรณาการในการทำงานร่วมกันผ่านมาตรการที่กำหนด

โดยในส่วนของจังหวัดเชียงใหม่ ก่อนหน้านี้ได้มีการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการระดับจังหวัด เพื่อบูรณาการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศจากการเผา รวมถึงออกประกาศข้อแนะนำแนวทางมาตรการป้องกันและลดผลกระทบกรณีฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) เกินค่ามาตรฐานต่อเนื่อง เพื่อป้องกันและลดผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนและนักท่องเที่ยว นอกจากนี้ยังได้ประกาศเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัย / เขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (กรณีอัคคีภัย ไฟป่า) ไปแล้วรวม 8 อำเภอ ประกอบด้วย อำเภอฮอด อำเภอฝาง อำเภอเชียงดาว อำเภอพร้าว อำเภอไชยปราการ อำเภอแม่แตง อำเภอแม่อาย และอำเภอเวียงแหง

ในวันนี้ที่ประชุมฯ จึงได้ร่วมกันพิจารณาถึงการยกระดับการปฏิบัติการในการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ในช่วงสถานการณ์วิกฤต ระดับที่ 2 เมื่อมีปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) เฉลี่ย 24 ชั่วโมง มีค่าตั้งแต่ 150 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรขึ้นไป ติดต่อกัน 5 วัน ตามแนวทางของคณะกรรมการจัดการปัญหามลพิษทางอากาศเพื่อความยั่งยืน ซึ่งจังหวัดเชียงใหม่มีสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศ อยู่ 6 จุด คือ ที่อำเภอเชียงดาว 1 จุด , อำเภอเมืองเชียงใหม่ 3 จุด , อำเภอฮอด 1 จุด และอำเภอแม่แจ่ม 1 จุด โดยพบว่า ที่สถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศที่ตำบลเมืองนะ อำเภอเชียงดาว เป็นจุดที่ตรวจพบค่าฝุ่น PM2.5 เฉลี่ย 24 ชั่วโมง มีค่าตั้งแต่ 150 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรขึ้นไป ติดต่อกันนานถึง 9 วัน คือ ตั้งแต่วันที่ 1-9 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา

สำหรับแนวทางตามมาตรการฉุกเฉินในการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 ในช่วงสถานการณ์วิกฤต ระดับที่ 2 จะให้ผู้ว่าราชการจังหวัดประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (กรณีฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5) ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างรอพิจารณาหลักเกณฑ์และแนวทางในการประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือฯ จากกรมบัญชีกลาง หากมีการออกหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนแล้วจึงจะสามารถอนุมัติงบประมาณลงไปช่วยเหลือยังพื้นที่ต่างๆ ได้ ส่วนด้านการจัดการไฟในป่า ล่าสุดได้มีการออกประกาศปิดป่าอนุรักษ์ทั้งหมด 21 แห่งแล้ว ส่วนป่าสงวนแห่งชาติ 25 แห่ง อยู่ในช่วงประกาศควบคุมการเข้าพื้นที่ป่า และคาดว่าจะยกระดับให้ปิดป่าสงวนแห่งชาติทั้งหมดในเร็วๆ นี้ ขณะที่ด้านการจัดการไฟในพื้นที่เกษตร ได้ให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์บรรจุเป็นเงื่อนไขในการดำเนินภารกิจต่างๆ หากตรวจพบว่าเกษตรกรรายใดฝ่าฝืนการเผาในพื้นที่เกษตร จะถูกระงับความช่วยเหลือจากภาครัฐในทุกกรณี

ขณะเดียวกันในด้านการควบคุมฝุ่นในเขตเมือง ได้ห้ามรถบรรทุกที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซลทีมีค่าควันดำเกินค่ามาตรฐานเข้าสัญจรในเขตพื้นที่เมือง โดยเน้นย้ำให้สำนักงานขนส่งจังหวัดเชียงใหม่และสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษฯ เพิ่มความถี่ในการตรวจควันดำรถให้มากขึ้น เช่นเดียวกับในภาคอุตสาหกรรม ได้เน้นย้ำให้สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดฯ เพิ่มความเข้มข้นในการตรวจโรงงานกลุ่มเสี่ยงที่ก่อให้เกิดฝุ่นละอองที่เกินค่ามาตรฐาน หากมีการตรวจพบและเตือนให้ปรับปรุงแก้ไขแล้วยังไม่ดำเนินการ ให้ออกคำสั่งหยุดประกอบกิจการเป็นการชั่วคราวในทันที

นอกจากนี้ สิ่งที่จังหวัดเชียงใหม่ให้ความสำคัญมากที่สุดในขณะนี้ คือ การดูแลสุขภาพของประชาชน โดยได้ขอความร่วมมือสถานศึกษาทุกแห่ง รวมถึงหน่วยงานและสถานประกอบการต่างๆ พิจารณาประกาศให้ Work From Home ตามความเหมาะสม และหลีกเลี่ยงการจัดกิจกรรมกลางแจ้ง โดยเฉพาะบุคลากรที่เป็นกลุ่มเปราะบาง พร้อมทั้งจัดทำห้องลดฝุ่น และให้หน่วยงานด้านสาธารณสุขยกระดับในด้านการตรวจสุขภาพ โดยบูรณาการร่วมกับหน่วยงานท้องถิ่นจัดหน่วยเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ไปตรวจเยี่ยมชาวบ้านตามครัวเรือน เพื่อตรวจสุขภาพ แจกจ่ายอุปกรณ์ป้องกันฝุ่น และจัดยารักษาโรคที่มีคุณภาพให้อย่างทั่วถึง

ร่วมแสดงความคิดเห็น