(มีคลิป) ผวจ.เชียงใหม่ นำทีมลงติดตามสถานการณ์ลำน้ำปิง

ผวจ.เชียงใหม่ นำทีมลงติดตามสถานการณ์ลำน้ำปิง หลังปริมาณขึ้นสูงเกือบแตะวิกฤติ 3.70 เมตร ขณะที่สั่งการ จนท.เตรียมรับมือ พร้อมปักธงเหลืองแจ้งเฝ้าระวังใกล้ชิด คาดการณ์เที่ยงคืนนี้น้ำอาจเพิ่มสูงถึง 3.90 เมตร

ช่วงค่ำวันนี้ (2 ต.ค.65) นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วย นายอัศนี บูรณุปกรณ์ นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ , นายจรินทร์ คงศรีเจริญ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานเชียงใหม่ และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันลงพื้นที่ที่บริเวณจุดสังเกตการณ์น้ำสถานี P.1 ด้านข้างสะพานนวรัฐ อ.เมืองเชียงใหม่ เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำในลำน้ำปิงที่เพิ่มปริมาณขึ้นอย่างชัดเนื่อง จากการที่เกิดพาบุฝนตกลงมาในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ และปริมาณน้ำจากทางเหนือที่ไหลลงมาในพื้นที่ตังเมืองเชียงใหม่ จนทำให้ขณะนี้เข้าสู่ช่วงวิกฤติน้ำล้นตลิ่ง โดยพบว่าล่าสุดปริมาณน้ำในลำน้ำเมื่อช่วงเวลาประมาณ 19.40 น. ที่บริเวณจุด P.1 สะพานนวรัฐนั้นมีปริมาณน้ำอยู่ที่ประมาณ 3.63 เมตร ซึ่งหากปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นสูงถึง 3.70 เมตร จะมีปริมาณน้ำเต็มความจุของตลิ่งบริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำ

ขณะที่ล่าสุด ถายหลังจากพบว่าปริมาณน้ำในบริเวณจุดดังกล่าวมีปริมาณเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 3.63 เมตร ทางเจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเชียงใหม่ ได้มีการดำเนินการติดตั้งธงเหลือง ที่บริเวณจุด P.1 แล้ว ซึ่งเป็นสัญญาณในการเฝ้าติดตามระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลันที่อาจจะเกิดขึ้นในพื้นที่ได้ และล่าสุดทางด้านผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ก็ได้มีการสั่งการให้เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายได้เฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และเตรียมความพร้อมในเรื่องของอุปกรณ์ในการช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกกับประชาชนที่อาจจะได้รับผลกระทบหากมีสถานการณ์น้ำที่เพิ่มขึ้นจนเกิดจุดวิกฤติครั้งนี้

ทั้งนี้ในการลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ล่าสุด ทางด้าน นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ที่น้ำในลำน้ำปิง มีปริมาณเพิ่มขึ้นสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และล่าสุดที่เวลาประมาณ 19.30 น. ที่บริเวณจุด P.1 มีระดับน้ำอยู่ที่ 3.63 เมตร ซึ่งแตะอยู่ในระดับวิกฤติ แต่ทางเจ้าหน้าที่ก็มีแผนในการรับมือเผชิญเหตุ และมีการคาดการณ์ว่าปริมาณน้ำจะยังคงเพิ่มสูงขึ้นจนถึงจุดพีคในช่วงประมาณเที่ยงคืนนี้ ซึ่งคาดการณ์กันว่าอาจจะสูงถึงประมาณ 3.90 เมตร และหากมีการคาดการณ์ว่าหากน้ำเพิ่มสูงขึ้นจนถึงประมาณ 4 เมตร ก็อาจจะต้องเตรียมการรับมืออีกระดับ ซึ่งจากการคาดการณ์ในขณะนี้ยังอยู่ในช่วงระดับที่ทางเจ้าหน้าที่สามารถรับมือได้ ประกอบกับได้มีการเตรียมเครื่องมือ อย่างเช่นเครื่องสูบน้ำ ที่ประจำตามจุดต่างๆ ก็พร้อมในการทำงานทั้งหมดแล้ว เพื่อให้เกิดผลกระทบกับประชาชนในพื้นให้น้อยที่สุด

อย่างไรก็ตามจุดที่ต้องเฝ้าระวังเป็นอันดับต้นๆ คือจุดที่อยู่สองฝั่งของลำน้ำปิง เนื่องจากเป็นจุดที่เสี่ยงต่อการเกิดน้ำท่วมฉับพลันมากที่สุด ส่วนน้ำที่เพิ่มขึ้นมาอย่างรวดเร็วนั้นก็เกิดจากในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่มีฝนตกลงมาอย่างมาก ซึ่งก็พบว่าพื้นที่ทางตอนบนก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน ซึ่งก็ได้มีการสั่งการและลงพื้นที่สำรวจให้ความช่วยเหลือไปแล้ว

ขณะที่ทางด้าน นายจรินทร์ คงศรีเจริญ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ในส่วนของสถานการณ์น้ำในลำน้ำปิง พื้นที่ตัวเมืองเชียงใหม่ ซึ่งตั้งแต่เมื่อเวลาประมาณ 19.00 น. ที่ผ่านมา มีปริมาณน้ำไหลผ่านทางฝายแม่แตประมาณ 317.6 ลูกบาศก์เมตร/วินาที โดยปัจจัยหลักที่มวลน้ำในครั้งนี้มีปริมาณมาก ส่วนใหญ่มาจากน้ำแม่แตง ที่คาดว่าจะไหลมาถึงยังพื้นที่อีกประมาณ 1 วัน ดังนั้นอีก 1 วันนี้ ทางด้านศูนย์วิเคราะห์สถานการณ์น้ำสำนักงานชลประทานที่ 1 ก็จะมีการวิเคราะห์ว่าปริมาณน้ำที่ไหลมาประมาณ 317 ลูกบาศก์เมตร/วินาที จะมาถึงที่บริเวณจุด P.1 ประมาณเท่าไหร่ และรวมกับปริมาณน้ำปิงตอนบน และน้ำแม่ริม รวมทั้งหมดจะมาเท่าไหร่ ซึ่งอาจจะมากกว่าคืนนี้ หรือน้อยกว่า ก็จะต้องมีการวิเคราะห์กันอีกครั้งในตอนเช้าวันพรุ่งนี้ (3 ต.ค.65) แต่อย่างไรก็ตามก็จะต้องมีการติดตามสถานการณ์ฝนในพื้นที่ต้นน้ำด้วย

ทั้งนี้ปริมาณน้ำในครั้งนี้เมื่อเทียบกับการเกิดต้ำท่วมในช่วงปี 2554 พบว่าปริมาณน้ำในปี 2554 มีจำนวนเยอะกว่ามาก ซึ่งจากข้อมูลรายงานในปี 2554 ช่วงวันที่ 29 ก.ย.54 จนถึง 2 ต.ค.54 ที่เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ในพื้นที่ จากผลพวงพายุใต้ฝุ่นเนสาด ระดับน้ำสูงสุดในตอนนั้นอยู่ที่ 4.94 เมตร และปริมาณน้ำที่ไหลผ่านจุด P.1 นี้อยู่ที่ประมาณ 856 ลูกบาศก์เมตร/วินาที ซึ่งจะเห็นได้ว่าในปี 54 นั้นปริมาณน้ำเยอะกว่าในตอนนี้เกือบเท่าตัว ดังนั้นผลกระทบที่เกิดขึ้นในปีนี้จะไม่รุนแรงเท่าปี 54 อย่างแน่นอน

ร่วมแสดงความคิดเห็น