ผู้ว่าฯ น่าน โดนปลอมเฟสบุ๊คหลอกเหยื่อโอนเงิน

เจ็บปวด ผู้ว่าฯ น่านเตือนหลังถูกมิจฉาชีพปลอมเฟสบุ๊คหลอกเหยื่อโอนเงินร่วมทำบุญ

เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2565 เฟสบุ๊คสำนักงานผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน ที่ใช้ชื่อว่า วิบูรณ์ แววบัณฑิต ผู้ว่าราชการจังหวัด ซึ่งเป็นเฟสบุ๊คของสำนักงาน ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน อนุญาตให้ใช้เพื่อเผยแพร่ภารกิจและกิจกรรม และการปฏิบัติราชการของ นายวิบูรณ์ แววบัณฑิต ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน
โพสต์ข้อความเตือน ระวังมิจฉาชีพหลอกโอนเงิน หลังผู้เสียหายเกิดข้อสงสัย สอบถามไปยังคนใกล้ชิดผู้ว่าฯ หลังจากพบสิ่งผิดปกติ หลังโอนเงินแล้วถูกบล็อกช่องทางการติดต่อแล้วลบข้อความ
โดยข้อความโพสต์เตือนภัยไว้ว่า “#แจ้งเตือนภัยมิจฉาชีพครับ!!! มีผู้ปลอมเฟสผม โดยใช้ชื่อและรูปโปรไฟล์แจ้งขอให้โอนเงินทำบุญ ทุกท่านอย่าได้หลงเชื่อเป็นอันขาดนะครับ และถ้าใครโอนเงินไปแล้ว ขอความกรุณาไปแจ้งความดำเนินคดีด้วยครับ”

โดยเฟสบุ๊คของผู้เสียหายโพสต์ข้อความหลังทราบแน่ชัดว่าตนเองโดนมิจฉาชีพหลอกโอนเงิน ข้อความว่า “แจ้งด่วนคะมีมิจฉาชีพ แอบอ้างเป็นเฟสของท่านผู้ว่า วิบูรณ์ แววบัณฑิต ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน คะเข้ามาทางช่องข้อความ บอกบุญชวนทำบุญสร้างส้วม ห้องน้ำให้ตึกสงฆ์ โรงพยาบาลเพ็ชรบูรณ์ จังหวัดเชียงใหม่ กองทุนละ 6999 บาท หรือตามจิตศรัทธา ก็มีจิตศรัทธา ไป 1,000 บาท จึงได้รู้ว่าเป็นมิตฉาชีพ มาอีกรูแบบหนึ่งต้องระวังมาอีกช่องทางละคะท่านที่ชอบทำบุญบนมือถือทำเร็วลืมคิดพิจารณาว่า ใช่ท่านหรือ เป็นบทเรียนให้เพื่อนๆได้เรียนรู้ร่วม (ดีคะที่ใช้เพียงครั้งละ 1000 บาท) ลองเข้าไปอ่านดูนะคะ”

ส่วนอีกราย ถูกทักแชทชักชวนให้โอนเงินร่วมทำบุญ แต่ไหวตัวทันเนื่องจากเป็นเพื่อนในเฟสบุ๊คจริงของผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน จึงถามว่าก่อนหน้าที่ท่านผู้ว่าฯจะมารับราชการที่จังหวัดน่าน เคยรับราชการที่จังหวัดไหนมาก่อน มิจฉาชีพที่ปลอมเฟสบุ๊คตอบไม่ได้ จึงไม่ได้โอน
ด้าน นายวิบูรณ์ แววบัณฑิต ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน เปิดเผยว่า ขณะนี้มีผู้สอบถามมาเป็นจำนวนมาก กรณีมีเฟสบุ๊คเป็นรูปภาพตนเอง ใช้ชื่อวิบูรณ์ แววบัณฑิต แอบอ้างสวมรอยส่งข้อความไปทักทาย ชักชวนให้ร่วมทำบุญ ร่วมโอนเงินทำบุญต่างๆนั้น ขอยืนยันว่าไม่ใช่ตนเอง เป็นเฟสบุ๊คปลอม ที่มิจฉาชีพทำขึ้นมา และตั้งใจอ้างเรื่องทำบุญมาหลอกเนื่องจากส่วนตัวนั้นจะปฏิบัติธรรม และทำบุญอยู่เป็นประจำ ทำให้เกิดการเข้าใจผิด และนำไปสู่การหลอกลวงต่างๆ ได้
ซึ่งขณะนี้เบื้องต้นทราบว่ามีผู้หลงเชื่อโอนเงินแล้ว 2 ราย อย่างไรก็ตามหากสงสัยก็ให้โทรศัพท์มาสอบถามก่อน ใช้วิจารณญาณไตร่ตรองให้รอบคอบ ส่วนผู้ที่กระการไม่ดีนั้นก็ขอให้หยุด เนื่องจากสร้างความเดือดร้อนให้กับบุคคล ให้กับสังคม โดยจะได้รวบรวมหลักฐานเข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อไป

ร่วมแสดงความคิดเห็น