มาเช็กดูว่า เราเหมาะกับประกันรถยนต์ประเภทไหน ?

ประกันรถยนต์มีหลายประเภท มาดูกันว่าเราเหมาะกับประกันรถยนต์ประเภทไหน

เมื่อต้องประกันรถยนต์ แน่นอนว่าหลายคนมีคำถามว่าจะทำประกันประเภทไหนดี เพราะประกันรถยนต์มีหลากหลายประเภท ซึ่งแต่ละประเภทก็เหมาะกับการใช้งานรถยนต์ที่แตกต่างกันออกไป อีกทั้งยังมีราคาที่แตกต่างกันด้วย แต่การซื้อประกันรถยนต์ ไม่ควรพิจารณาเรื่องราคาเพียงอย่างเดียว ควรพิจารณาเรื่องอื่นประกอบด้วยโดยเฉพาะการใช้งาน ครั้งนี้จึงเป็นการแนะนำเรื่องซื้อประกันรถให้เหมาะสม

ประกันชั้น 1

ประเภทแรกกับประกันชั้น 1 คุ้มครองอุบัติเหตุมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการชนแบบมีคู่กรณีหรือการชนแบบไม่มีคู่กรณี ประกันชั้น 1 ก็จะคุ้มครองทั้งหมด อีกทั้งยังคุ้มครองกรณีถูกโจรกรรม อุบัติเหตุจากไฟไหม้ น้ำท่วมด้วย ประกันชั้น 1 จึงเหมาะกับการใช้รถยนต์ที่มีความเสี่ยงสูง หรือเหมาะกับรถที่ต้องการการถนอมเป็นพิเศษ ดังนี้

รถยนต์ใหม่

รถยนต์ใหม่ป้ายแดงมีความเสี่ยงสูงตรงที่เจ้าของรถอาจยังไม่คุ้นชินกับรถยนต์เท่าไร จึงมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย จึงเหมาะกับประกันภัยชั้น 1 มากที่สุด รวมถึงรถยนต์อาจจะไม่ใช่ป้ายแดงแล้ว แต่มีอายุไม่เกิน 5 ปี ก็ยังเหมาะกับประกันชั้น 1 อยู่

แม้ผู้ใช้งานจะมีความคุ้นชินกับรถ แต่เพราะยังจัดเป็นรถใหม่ จึงต้องการการดูแลและถนอมเป็นพิเศษ เพราะรถยนต์ที่มีอายุไม่เกิน 5 ปี หากนำไปจำหน่ายต่อยังพอได้ราคาที่ไม่ตกมากนัก แต่ถ้าหากไม่ได้ทำประกันและมีความเสียหายเกิดขึ้น โดยที่ไม่ได้มีการเคลม การขายต่อจะโดนกดราคาทำให้ราคาขายตกเกินไปจนไม่คุ้มค่า

รถยนต์ที่ใช้งานทุกวัน

จำนวนการใช้งานสัมพันธ์กับความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ ทำให้การใช้งานรถยนต์ทุกวันมีความเสี่ยงมากกว่ารถยนต์ที่ใช้งานนานๆ ครั้ง ทำให้รถยนต์ที่ถูกใช้งานเป็นประจำทุกวัน เหมาะที่จะทำประกันชั้น 1 เอาไว้

รถยนต์ที่เดินทางไกลอยู่เสมอ

นอกจากรถยนต์ที่มีการใช้งานทุกวัน รถยนต์ที่มีการเดินทางไกลอยู่เสมอก็มีความเสี่ยงมากเช่นกัน เพราะยิ่งเดินทางไกลหรือใช้ระยะเวลาในการเดินทางมากเท่าไร โอกาสเกิดอุบัติเหตุก็ยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น เพราะต้องใช้เวลาอยู่บนถนนนานกว่าการเดินทางระยะใกล้ เปรียบเทียบกันระหว่างขับรถไปหน้าปากซอย กับขับรถไปข้ามจังหวัด การข้ามจังหวัดย่อมมีโอกาสเกิดมากกว่าการขับไปหน้าปากซอยจริงไหม ทำให้รถที่เดินทางไกลอยู่เสมอ เหมาะสมที่จะทำประกันภัยชั้น 1 ไว้จะดีที่สุด

รถยนต์ที่ซื้อมาเพื่อให้คนอื่นใช้งาน

กล่าวคือไม่ได้ซื้อรถยนต์มาเพื่อใช้งานส่วนตัว แต่อาจเป็นรูปบริษัทที่ซื้อรถยนต์มาให้ลูกจ้างใช้งาน เพื่อดำเนินกิจกรรมทางธุรกิจในรูปแบบต่างๆ ส่วนมากจะมีการใช้งานหลายคน สลับสับเปลี่ยนผู้ขับขี่หลายมือ จึงมีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุค่อนข้างมาก และเหมาะที่จะทำประกันชั้น 1 เอาไว้

ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2+

มาต่อกันที่ประกันรถยนต์ชั้น 2+ มีการคุ้มครองคล้ายประกันรถยนต์ชั้น 1 คือคุ้มครองอุบัติเหตุที่เกิดจากรถชนรถ คุ้มครองเรื่องรถหาย ไฟไหม้ น้ำท่วม แต่จะไม่คุ้มครองในเรื่องของการชนแบบไม่มีคู่กรณี เช่น การขับรถไปชนเสาไฟ กำแพง ต้นไม้ หรือวัตถุต่างๆ เป็นต้น จะไม่คุ้มครอง และไม่มีการคุ้มครองความเสียหายของกระจกรถยนต์ด้วย โดยรถยนต์ที่เหมาะกับประกันชนิดนี้ มีดังนี้

รถอายุ 1-5 ปี

สำหรับรถใหม่ที่ไม่ใช่ป้ายแดงแล้วแต่ยังอยู่ใน 5 ปี ถ้าแน่ใจว่าจะไม่ซุ่มซ่ามขับไปชนกำแพง ต้นไม้ หรือเกี่ยวกับกระถางต้นไม้หน้าบ้าน แต่ต้องการความอุ่นใจจากอุบัติที่อาจเกิดขึ้นกับผู้อื่น และต้องการจะประหยัดงบ ถือว่าประกันภัยชั้น 2+ ก็ครอบคลุมความต้องการ

รถอายุ 5 ปีขึ้นไป

นอกจากรถใหม่ไม่เกิน 5 ปีจะเหมาะกับประกันชั้น 2+ แล้ว รถที่มีอายุมากกว่านี้ ก็เหมาะที่จะทำประกันภัยชั้น 2+ เหมือนกัน สำหรับคนที่ต้องการการคุ้มครองอุบัติเหตุระหว่างการชนแบบมีคู่กรณี และมีความกังวลเรื่องของไฟไหม้ น้ำท่วม รวมถึงรถหาย และมั่นใจว่าจะไม่ขับไปเฉี่ยวชนวัตถุต่างๆ ให้เกิดความเสียหายได้

ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2

ถัดมากับประกันรถยนต์ชั้น 2 หลักๆ คือไม่คุ้มครองความเสียหายของรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นการชนแบบมีหรือไม่มีคู่กรณี แต่จะคุ้มครองกรณีรถหายและรถไฟไหม้

นอกจากนี้ก็จะคุ้มครองความเสียหายต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอก ที่ผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดชอบตามกฎหมาย ภายในวงเงินที่ผู้เอาประกันทำไว้ และคุ้มครองต่ออาการบาดเจ็บหรือเสียชีวิตต่อบุคคลภายนอกที่ผู้เอาประกันต้องรับผิดชอบตามกฎหมาย

ส่วนตัวผู้ขับขี่เองจะได้ค่าสินไหมในเรื่องของค่ารักษาพยาบาล ค่าประกันอุบัติเหตุกรณีสูญเสียอวัยวะหรือเสียชีวิต และค่าประกันตัวผู้ขับขี่

เหมาะกับรถยนต์ที่มีอายุมากกว่า 5 ปีขึ้นไป และผู้ขับขี่หรือผู้เอาประกันต้องการประหยัดงบค่าทำประกัน แต่ยังกังวลเรื่องของอุบัติเหตุที่จะทำให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของผู้ขับขี่เองและคู่กรณี

ประกันภัยรถยนต์ชั้น 3+

สำหรับประกันรถยนต์ชั้น 3+ การคุ้มครองจะเกือบเหมือนกับประกันรถยนต์ชั้น 2+ แต่ 3+ จะไม่คุ้มครองกรณีรถหายและรถไฟไหม้ ไม่เหมาะกับรถใหม่เท่าไร เพราะการคุ้มครองน้อยมาก เหมาะกับรถยนต์เก่า เสี่ยงต่อการโจรกรรมต่ำ และเหมาะกับผู้ทำประกันที่ไม่กังวลเรื่องค่าซ่อมรถยนต์ แต่กังวลเรื่องของการรับผิดชอบต่อชีวิตและทรัพย์สินของคู่กรณีและผู้ขับขี่เอง

ประกันภัยรถยนต์ชั้น 3

สำหรับประกันรถยนต์ชั้น 3 คุ้มครอง จะไม่คุ้มครองความเสียหายของรถยนต์เลยไม่ว่าจะกรณีใดๆ ทั้งรถหาย รถไฟไหม้ น้ำท่วมรถ ก็จะไม่คุ้มครองเลย สิ่งที่คุ้มครองคือการรับผิดชอบต่อชีวิตและทรัพย์สินของคู่กรณีและผู้ขับขี่เอง เหมาะกับรถยนต์เก่า

ทั้งหมดนี้ก็เป็นเรื่องของการทำประกันรถยนต์เพื่อให้เหมาะกับรถยนต์ของเรา หลักๆ เลยให้คำนึงถึงความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งพิจารณาได้จากการใช้งานรถยนต์นั้นๆ นอกจากนี้ก็จะเป็นเรื่องของอายุรถยนต์ ยิ่งใหม่ก็ยิ่งเสี่ยง และควรทำประกันที่ดีที่สุดเอาไว้

ร่วมแสดงความคิดเห็น