“ม่อนจ๊อกป๊อก” พระตำหนักเจ้าดารารัศมีที่โลกลืม

จากภาพเก่าในอดีตเมื่อ 100 ปีที่ผ่านมา ณ ศาลาพระราชชายา ที่เชิงบันไดทางขึ้นวัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร อ.เมืองเชียงใหม่ เกี่ยวกับภาพเรื่องราวของ ” พระตำหนักม่อนจ๊อกป๊อก ” ของ พระราชชายา เจ้าดารารัศมี เป็นพื้นที่ประวัติศาสตร์อีกแห่งหนึ่ง จากประวัติ “พระตำหนักม่อนจ๊อกป๊อก”ตำหนักพระราชชายา เจ้าดารารัศมี ตั้งอยู่บนดอยสุเทพ เป็นพระตำหนักไม้สักโปร่งขนาดใหญ่ ในขณะที่พระองค์ทรงริเริ่มและสนับสนุนการปลูกกุหลาบทั่วนครเชียงใหม่ และหัวเมืองใกล้เคียง ภายหลังทรงพบกุหลาบขนาดใหญ่พันธุ์หนึ่ง ซึ่งมีสีชมพูระเรื่อ ส่งกลิ่นหอมตลอดเวลา ทำให้ทรงหวนระลึกถึง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชสวามีที่เสด็จสวรรคตไปแล้ว จึงทรงพระราชทานนามกุหลาบสีชมพูกลิ่นหอมพันธุ์นี้ ถวายแด่พระราชสวามี ว่า ”จุฬาลงกรณ์” ทรงเพาะพันธุ์ปลูก กุหลาบจุฬาลงกรณ์ ในแปลงเพาะพันธุ์บนพระตำหนักม่อนจ็อกป็อก บนดอยสุเทพ ซึ่งมีอากาศเย็นทั้งปี อีกทั้งสถานที่แห่งนี้ยังเป็นที่ออกประทับรับรอง พระบรมวงศานุวงศ์ชั้นผู้ใหญ่ ในพระบรมราชจักรีวงศ์หลายพระองค์ด้วย


พระตำหนักม่อนจ๊อกป๊อก ที่โลกลืม แม้แต่ชาวเชียงใหม่น้อยคนนักที่จะรู้จักสถานที่แห่งนี้ เมื่อเดินทางไปตามถนนดอยสุเทพ ผ่านโค้งขุนกัน หรือ โค้งกันชนะนันท์ เลี้ยวซ้ายที่ป้อม อปพร.เข้าไป ก่อนจะถึงวัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร ประมาณ 200 เมตร ขึ้นไปเป็นทางลาดชันประมาณ 300 เมตร ด้านซ้ายมือมีประตูรั้วเหล็ก และมีป้ายว่า ”บ้านนิมมานนรดี” โดยมี ”พ่อหลวงโล่ห์” นายขจร ประเสริฐศรี ผู้ใหญ่บ้านดอยสุเทพ หมู่ 9 ต.สุเทพ อ.เมืองเชียงใหม่ เป็นผู้นำทางเข้าพบกับ”ลุงเอ้ย”นายวิฑูรย์ อินกุณะ อายุ 65 ปีผู้ดูแลบ้านดังกล่าว

ที่ตั้งของพระตำหนักม่อนจ๊อกป๊อก มีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 18 ไร่ จะปกคลุมเต็มไปด้วยต้นสนสามใบ หรือต้นเกี๊ยะ ต้นลิ้นจี่และต้นไม้อื่นๆที่มีขนาดใหญ่ มีบ้านหลังหนึ่งหลังใหญ่เป็น บ้านสองชั้นครึ่งไม้ครึ่งปูน ที่ระบุในภาพประวัติศาสตร์เป็น พระตำหนักฯของพระราชชายา เจ้าดารารัศมี ตั้งตระหง่านอยู่พอเหลือเค้าโครงอยู่บ้าง ส่วนหนึ่งผุพังไป พระตำหนักหันหน้าไปทางทิศตะวันออก ที่เสาปูนหน้าบ้านมีแผ่นหินอ่อนเขียนไว้ว่า” ม่อนจ็อกป็อก พ.ศ.๒๔๖๑ ” ด้านหน้ายังมีร่องรอยลักษณะก่อปูนเป็นขั้นบันไดเป็นชั้นๆ สันนิษฐานว่าสร้างไว้เพื่อป้องกันดินทลาย และมีบันไดทางขึ้นพระตำหนัก ซึ่งปรากฎอยู่ในภาพถ่ายของเหล่าบรรดาเจ้านายฝ่ายเหนือ ที่หน้าพระตำหนัก ยังสามารถมองเห็นเมืองเชียงใหม่ในปัจจุบันอย่างชัดเจนอีกจุดหนึ่ง แม้ว่าจะมีต้นไม้ใหญ่ปิดบังสายตาบ้าง


พระตำหนักม่อนจ๊อกป๊อก มีทางเข้าทั้งด้านหน้า ด้านข้างและด้านหลัง ภายในมีทั้งห้องโถง ที่ฝาบ้านมีภาพขนาดใหญ่ติดไว้ มีห้องนอนทั้งหมด 5 ห้อง รวมถึงห้องน้ำ ห้องครัว มีห้องหนึ่งสันนิษฐานว่าเป็นห้องบรรทมของพระราชชายา เจ้าดารารัศมี มีเตียงนอนโบราณ สภาพดีตั้งอยู่และยังมีห้องชั้นล่างเป็นห้องใต้ดิน ส่วนด้านหลังพระตำหนัก มีสนามหญ้าขนาดพอประมาณ ถัดไปทางทิศใต้มีสระน้ำเก่า บ้านไม้เก่ายกพื้น และซากปรักหักพังเหลือแต่เสาปูน เตาผิง ทางเดินปูด้วยอิฐ มีกำแพง ซึ่งปกคลุมไปด้วยต้นไปมีตะไคร้เขียวชะอุ่มเกาะอยู่แสดงถึงความเก่าแก่ของพระตำหนักแห่งนี้

แม่อุ้ยแก้ว ไชยมงคล อายุ 76 ปีชาวบ้านดอยสุเทพ เล่าว่าได้มาอาศัยที่หมู่บ้านแห่งนี้ตั้งแต่อายุประมาณ 2-3ขวบ อยู่กับพ่อแม่ชื่อพ่อต๋า แม่คำ ไชยมงคล โดยพ่อมีอาชีพเลี้ยงช้างให้กับพ่อเจ้า เมื่อสมัยตอนเด็กๆจะขึ้นไปเล่นบนพระตำหนักม่อนจ๊อกป๊อกอยู่ไม่ไกลจากบ้านกับเพื่อนเด็กๆเสมอ ที่นั่นอากาศร่มรื่นมากมีสนามหญ้า มีสระน้ำให้ลงเล่นน้ำ สมัยนั้นพระตำหนักยังอยู่ในสภาพค่อนข้างสมบูรณ์ดี แตกต่างกับในปัจจุบันมากที่ชำรุดทรุดโทรมไปตามกาลเวลา เช่นเดียวกับ”พ่อหลวงโล่ห์” นายขจร ประเสริฐศรี ผู้ใหญ่บ้าน เล่าเพิ่มเติมว่าตนเกิดที่หมู่บ้านดอยสุเทพตอนเด็กๆก็ไปวิ่งเล่นในพระตำหนักเช่นเดียวกันเป็นประจำ ทาง”ลุงเอ้ย”นายวิฑูรย์ ผู้ดูแลพระตำหนักฯเล่าว่าแต่เดิมพ่อกับแม่ชื่อพ่อเฮือน แม่เป็ง เป็นคนงานที่นี่ เมื่ออายุ 14 ปีได้เข้ามาอยู่ด้วย เมื่อพ่อแม่เสียชีวิตลงก็ขออยู่ดูแลที่นี่ต่อจนถึงปัจจุบัน

อย่างไรก็ดีพระตำหนักม่อนจ๊อกป๊อก แห่งนี้ถือได้ว่าเป็นพระตำหนักเก่าแก่อีกประวัติศาสตร์ของเมืองเชียงใหม่ มีอายุครบ 100 ปีในปี 2561นี้ เป็นโบราณสถานที่สำคัญควรอนุรักษ์รักษาไว้เป็นสมบัติของชาติอยู่คู่เมืองเชียงใหม่สือไป

ร่วมแสดงความคิดเห็น